“Color Trends 2023” หรือ เทรนด์สีที่มาแรงในปี 2023 แน่นอนว่านอกจากปีที่ผันเปลี่ยน เรื่องของ เทรนด์แฟชั่นก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่คัดมาเพื่อเอาใจสายแฟโดยเฉพาะ อย่างเรื่องของเทรนด์สีปี 2023 ที่บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาด!
ต้องบอกก่อนว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เราเผชิญกับวิกฤตมากมาย เรียกได้ว่าโดนกันมาอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว จึงมีการคาดการณ์ว่าในปี 2023 นี้จะเป็นยุคแห่งการฟื้นฟูในด้านต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสอดคล้องกับ เทรนด์สีแห่งปี 2023 ที่มีด้วยกันทั้งหมด 7 สี โดยแต่ละสีจะสะท้อนบรรยากาศของโลก และผู้คนที่พร้อมสำหรับการปรับตัวหลังจากเจอวิกฤตกันมามากมาย ดังนั้น สีสันของปี 2023 จึงจะเป็นเฉดสีที่ให้ความรู้สึกของการกลับมามองโลกในแง่บวก ไปจนถึงการมีพลังแห่งความหวัง และความมั่นคงในการใช้ชีวิต
โทนสีที่มาแรงในปี 2023 จะเป็นกลุ่มเฉดสีเข้ม และมีความอิ่มตัวสูง เพื่อสอดคล้องกับการสร้างพลังแห่งความหวัง ฉะนั้น หากใครที่ได้ลองแต่งตัวตามเทรนด์สีปี 2023 กันแล้วล่ะก็ คงจะให้ความรู้สึกถึงการมีพลังในตัวเอง จนใครที่เห็นก็ต้องเหลียวหลังอย่างแน่นอน!
Color Trends 2023 ถือเป็นอีกเทรนด์แฟชั่นที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกในแต่ละช่วงเวลา และที่มากไปกว่านั้น “สี” ยังเป็นเหมือนตัวกลางที่สื่อถึงตัวตน อารมณ์ของผู้สวมใส่ในช่วงขณะนั้น จึงทำให้สีที่ได้รับความนิยมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การอัปเดตเทรนด์สีที่กำลังจะมาแรงจึงกลายเป็นอีกหนึ่งกิจวัตร ที่สายแฟชั่นไม่ควรพลาด วันนี้ เราจึงได้รวบรวมเอา Color Trends 2023 มาให้คุณได้ลองมาเช็คกันว่า ในตู้เสื้อผ้าของคุณมีสีอะไรแล้วบ้าง ถ้ายังไม่มีต้องรีบจัดด่วน ไม่อย่างนั้นจะหาว่าตกเทรนด์ไม่ได้นะ!
Elfin Yellow สีเหลืองอ่อน
เป็นสีที่ไม่ได้อยู่ในกระแสของสีหลัก แต่ไม่เคยหายไปจากวงการแฟชั่นเลย อีกทั้งยังเป็นสีที่ถูกนำมาจับคู่กับสีอื่นมากกว่าสีขาวเสียอีก เพราะเป็นเฉดสีที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะอยู่ในสิ่งของ หรือเสื้อผ้า ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตา ดูเรียบง่าย
Scarlet Sage สีแดงก่ำ
เป็นสีที่เรียกได้ว่ากลายมาเป็นสีหลักในฤดูร้อนของปีนี้ เพราะเป็นสีที่สื่อถึงการมีพลัง และความน่าหลงใหล หากนำมาใช้กับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ก็สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับผู้สวมใส่ได้
Lime Green สีเขียวมะนาว
เป็นสีที่นิยมหยิบมาใช้กันอยู่ตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยความที่เป็นเฉดของสีเขียวที่ถูกลดทอนความสว่างลงมาจากสีเขียวนีออน เพื่อให้สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น นอกจากนี้ สีเขียวมะนาวคือสีที่เชื่อมโยงระหว่างสิ่งแวดล้อม ใช้สื่อถึงความสดชื่น สนุกสนาน สดใส กระตุ้นให้รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวามากขึ้น
Moonless Night สีดำเทา
เรียกได้ว่าเป็นสีที่อยู่ในเทรนด์สีเสมอ และถูกเอามาใช้ทุกยุคทุกสมัย เนื่องจากสีดำนั้นเป็นตัวแทนของความลึกลับ สุขุม เย้ายวน และหรูหราไปในตัว อีกทั้งยังสื่อถึงความตรงไปตรงมา โดยสีดำเฉด Moonless Night นี้สื่อถึงความชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิมที่สอดรับกับยุคแห่งการเยียวยาฟื้นฟูในปี 2023 นั่นเอง
Phlox สีม่วงเข้ม
สีม่วงนั้นเป็นสีที่อยู่ในเทรนด์สีเสมอ โดยสำหรับสีม่วงเฉดนี้ถูกตั้งคำนิยามไว้ว่าเป็นสีที่อยู่ในแนวคิดของด้านดิจิทัล มีความเชื่อมโยงกับโลก Metaverse สร้างจากความเหนือจริงแบบ 100% และอาจกลายเป็นสีที่สื่อถึงความเหนือจริงเลยก็เป็นได้
Deep Lake สีเขียวอมฟ้า
เป็นเฉดสีที่มีการผสมสีน้ำตาลเข้าไปด้วย ซึ่งแต่เดิมสีเฉดนี้เคยเป็นตัวแทนความกล้าของเหล่านักกีฬา เลยมักจะถูกนำไปใช้กับแบรนด์เกี่ยวกับกีฬา เช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์ต่าง ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกยกให้เป็นสีที่สร้างความรู้สึกปลอบประโลม แสดงถึงความหวัง การฟื้นฟู และการเปิดใจ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกหรูหราได้ด้วย
Golden Apricot สีส้มแอปริคอต
ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนมักหันไปย้อนระลึกถึงวันวานกันมากขึ้น และในปี 2023 นี้ จะเป็นปีที่คนก็ยังคงชอบหวนคืนอดีตเพื่อหนีความวุ่นวายที่เจอ ความนิยมสไตล์ย้อนยุคไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของตกแต่ง หรือของสะสมจะกลับมาอีกครั้ง สีส้มเฉดนี้เองก็เช่นกันที่เคยเป็นที่นิยมมาก่อน จึงทำให้กลับมานิยมอีกครั้งและมีหลายแบรนด์เสื้อผ้าที่นำเอาเฉดสีนี้ไปใช้ในคอลเลกชันฤดูร้อน ต้อนรับแสงแดดอุ่น ๆ สร้างความรู้สึกหวนคิดถึงความงามในอดีต
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับเทรนด์สีแห่งปี 2023 ที่เรานำมาฝากให้ได้ลองเช็คดูว่าในตู้เสื้อผ้าของคุณยังขาดสีไหน หรือมีสีอะไรแล้วบ้าง เผื่อว่าใครที่เป็นสายแฟชั่นอยากจะลองตามเทรนด์หาเสื้อผ้ามามิกซ์แอนด์แมทช์สีให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง เท่านี้ก็สมกับเป็นคนยุคใหม่ ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตามสโลแกนของปีนี้แล้ว
แม้ว่ากระแส Color Trends 2023 จะได้รับความนิยมในหมู่ของคนรักแฟชั่น แต่หลายครั้งที่ดูเหมือนว่าความคิดของเหล่าดีไซเนอร์นั้นเห็นต่าง เพราะเมื่อหันขึ้นไปมองบนรันเวย์ เราจะเห็นว่าโทนสีที่บรรดาดีไซเนอร์ใช้นั้นมีความหลากหลาย เนื่องจากมีการปรับโทนสีให้มีความสดใสรับฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อนมากขึ้น วันนี้ เราจึงจะพาส่องเทรนด์สีที่เหล่าดีไซน์เนอร์นิยมใช้ ว่าจะมีความเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไรกับเทรนด์สีในปี 2023!
Vibrant Blue
สำหรับสีน้ำเงินที่เหล่าดีไซเนอร์เลือกใช้นี้จะมีความสว่างสดใส แต่ยังคงไว้ซึ่งความสงบ และเย็นตา ราวกับว่าเหล่าดีไซน์เนอร์ต้องการเพิ่มความสว่างให้วงการแฟชั่น หลังจากเผชิญความมืดมนในช่วงโรคระบาดเป็นเวลานาน
2. Hot Red
หญิงสาวผู้หลงรักสีแดงคงมีความสุขไม่น้อย เมื่อสีแดงสดได้กลับมาครองเทรนด์อีกครั้ง ความร้อนแรงที่แผ่ซ่านคงปลุกไฟ และใจรักของสายแฟชั่นที่ยึดมั่นในวลีที่ว่า ‘ชุดไม่แดง ไม่มีแรงเดิน’ ให้ลุกโชน ร้อนแรงแข่งกับอากาศช่วงซัมเมอร์
3. Beige & Brown
โทนสีที่เป็นอมตะตลอดกาล ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนสีเบจ และสีน้ำตาลก็ยังคงได้รับความนิยมและถูกหยิบมาใช้งานไม่ขาด ไม่ว่าจะเป็นช่วงยุค 80s ยุค 90s หรือแม้กระทั่งช่วงที่ผ่านมาที่เทรนด์เอิร์ธโทนมาแรงสุด ๆ ซึ่งในปีนี้ก็เช่นเดียวกันที่สีเบจ และสีน้ำตาลยังคงได้รับความนิยมอยู่ เปิดโอกาสให้สายแฟชั่นได้ประหยัดงบ เพราะสามารถหยิบไอเท็มที่มีอยู่แล้วในตู้เสื้อผ้ามาสร้างเป็นลุคใหม่ได้โดยไม่ตกเทรนด์
4. Modern Pink
เมื่อพูดถึงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อน ก็ไม่ควรพลาดที่จะหยิบสีสันอันสดใสอย่างสีชมพูมาช่วยเพิ่มความรู้สึกที่สนุก สดชื่น ถึงแม้ว่าสีชมพูจะไม่ได้ให้ความรู้สึกสนุกสนานรื่นเริงเท่าสีเหลือง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นสีที่ใช้งานได้หลากหลายกว่า ไม่ว่าจะเป็นลุคสวยเฉียบ หรือหวานละมุน สีชมพูก็ตอบโจทย์แทบทุกลุค
5. Pastel Lime
เป็นสีที่มีความเย็นตา ละมุนละไม แต่ก็แอบซ่อนความเปรี้ยวไว้แบบไม่กระโตกกระตาก เป็นสีที่เหมาะสำหรับลุคทางการ หรือกึ่งทางการที่ต้องการความสุภาพเรียบร้อย แต่ก็อยากสะท้อนความเป็นสายแฟชั่นตัวยง สีนี้คือตอบโจทย์อย่างถึงที่สุด
จะเห็นว่าความคิดของดีไซเนอร์ในเรื่องสีนั้นมีความแตกต่างจากเทรนด์สีปี 2023 แต่หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าสีที่เหล่าดีไซเนอร์นิยมใช้นั้นยังจัดอยู่ในกลุ่มสีเดียวกันกับเทรนด์สีของปีนี้ ดังนั้น แม้ว่าเฉดสีจะต่างกัน ไม่ตรงกันเป๊ะ แต่ที่แน่ ๆ หากคุณเป็นสายแฟชั่นที่ไม่ต้องการตกเทรนด์ คุณก็ไม่ควรพลาดที่จะลองมิกซ์แอนด์แมทช์สีเสื้อผ้าตามเทรนด์สีของเหล่าดีไซเนอร์ และเทรนด์สีของปี 2023 รับรองว่าคุณจะมีสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร!