ยูโอบี รีเฟรชแบรนด์ใหม่ รับกลยุทธ์เติบโตระยะยาว ตอกย้ำความมุ่งมั่นต่ออาเซียน เปิดตัวแคมเปญการสื่อสารแบรนด์ทั่วภูมิภาค เตรียมปรับโฉมยูนิฟอร์มใหม่
วันที่ 4 ตุลาคม 2565 นายวี อี เชียง รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธนาคารยูโอบี เปิดเผยว่า ยูโอบี ได้รีเฟรชแบรนด์ใหม่ให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายของแบรนด์-Building the future of ASEAN : For the people and businesses within, and connecting with, ASEAN ที่สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาวของธนาคาร และความมุ่งมั่นที่มีต่อภูมิภาคอาเซียน
โดยเปลี่ยนลุกใหม่ให้โลโก้ ตราประทับ และรวมถึงเครื่องแต่งกายของพนักงานสาขา โดยแคมเปญ ‘Doing Right By You’ เปิดตัวทั่วทั้งภูมิภาค เพื่อสะท้อนถึงการปรับองค์กร เปลี่ยนแปลงของธนาคารเพื่ออนาคตที่พร้อมสำหรับลูกค้าและพนักงานของธนาคาร
ทั้งนี้ แคมเปญ ‘Doing Right By You’ ที่เปิดตัวทั่วทั้งภูมิภาคนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่แคมเปญการตลาด แต่แสดงถึงเจตจำนงของธนาคารที่เน้นถึงความสำคัญและการลงทุนในอาเซียน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของยูโอบีในการสนับสนุนเศรษฐกิจภายในและระหว่างอาเซียนจากรุ่นสู่รุ่น
“เราเชื่อมั่นในศักยภาพของอาเซียนเสมอมา จากจำนวนประชากรและปัจจัยพื้นฐานที่ยืดหยุ่น จึงทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนกลับมาเติบโตอีกครั้งหลังเกิดโรคระบาด ซึ่งนี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เรารีเฟรชแบรนด์ใหม่ให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายใหม่ของแบรนด์ วันนี้ยูโอบีมีเครือข่ายสาขาในอาเซียนจำนวนมากที่สุดในบรรดาธนาคารจากสิงคโปร์ ภายในปี 2578 เมื่อเราเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของธนาคารยูโอบี เราต้องการเป็นธนาคารที่ผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจในภูมิภาคชื่นชอบที่สุด เป็นธนาคารระดับภูมิภาคที่ช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างแท้จริง”
ส่วนสำคัญของการรีเฟรชแบรนด์ คือพันธสัญญาของธนาคารยูโอบีที่จะยืนหยัดเคียงข้างทุกคน ซึ่งรวมถึงลูกค้า เพื่อนพนักงาน และชุมชน ธนาคารจะให้ความสำคัญในสามกลยุทธ์หลักคือ-การเชื่อมต่อธุรกิจ การปรับผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมาะกับรายบุคคล และความยั่งยืน
การเชื่อมต่อของธุรกิจในภูมิภาค เป็นจุดแข็งหลักของธนาคาร แนวทาง one-bank จะช่วยสร้างเครือข่าย เชื่อมโยงธุรกิจ เปิดประตูสู่โอกาสการเติบโตทั่วทั้งอาเซียน
การปรับแต่งโซลูชั่นเฉพาะบุคคล สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และความมุ่งมั่นในการทำความเข้าใจความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย ผสมผสานระหว่างข้อมูลและความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับลูกค้า ช่วยให้ธนาคารสามารถสร้างโซลูชั่นที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เพิ่มการมีส่วนร่วมและคาดการณ์เป้าหมายชีวิตของพวกเขาได้ดีขึ้น
ความยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงแนวทางเพื่ออนาคตของธนาคาร โดยเฉพาะความสำคัญของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของธนาคารในการช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างผลกระทบที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางสังคมควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ
นายวีกล่าวว่า ธนาคารยูโอบีจะเปิดตัวแบรนด์แคมเปญระดับภูมิภาค ผ่านภาพยนตร์โฆษณาของแบรนด์ทางโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ ดิจิทัล และบิลบอร์ด ซึ่งรวมถึงสนามบิน เพื่อแสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาในการ “ยืนหยัดเคียงข้างคุณ” โดยเริ่มออกอากาศในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป ได้แก่
‘You Are Unique’-ภาพยนตร์ชุดนี้แสดงให้เห็นว่าลูกค้าแต่ละรายมีความต้องการ ความชอบ และเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ธนาคารสร้างโซลูชั่นและบริการที่ล้ำหน้าและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย แนวทางแบบ Omni-channel ที่เป็นเอกลักษณ์ของธนาคาร เสริมด้วยแอป UOB TMRW ที่ได้รับรางวัลในระดับภูมิภาค และเพิ่มการมีส่วนร่วมแบบรายบุคคล ด้วยการมอบโซลูชั่นที่เหมาะกับลูกค้า รวมถึงการแลกของรางวัลที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
‘One Bank for ASEAN’ นำเสนอเกี่ยวกับความสำคัญของการเชื่อมต่อของธุรกิจในภูมิภาคของการมีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโต ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ธนาคารยูโอบี สร้างเครือข่ายธนาคารที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและทั่วภูมิภาคอาเซียน
นายวีกล่าวว่า ธนาคารยูโอบีเคารพในความเป็นปัจเจกบุคคล ไม่เพียงแต่สำหรับลูกค้า แต่ยังรวมถึงพนักงานของยูโอบีด้วย เพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาทของพนักงานสาขาของธนาคารยูโอบี และเพื่อให้พนักงานมีความคล่องตัวและสร้างสรรค์มากขึ้น ธนาคารได้เปิดตัวเครื่องแต่งกายใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการรีเฟรชแบรนด์ เสื้อผ้าใหม่นี้เป็นคอลเล็กชั่นชุดมิกซ์แอนด์แมตช์ เพื่อสะท้อนบทบาทที่หลากหลายของพนักงานสาขา
ออกแบบโดย Odile Benjamin ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Estair Private Ltd เครื่องแต่งกายใหม่นี้ตอบโจทย์ความหลากหลายของแอมบาสซาเดอร์ รวมเอาความหลากหลายและความหลากหลายเข้าด้วยกัน ทำให้ตัวแทนพนักงานสาขามีความยืดหยุ่นในการแต่งตัวตามความชอบและบทบาทหน้าที่ของตน โดยในประเทศไทยจะเริ่มเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2565